KBANK เผยเงินบาทแข็งค่าสุดรอบ 3 เดือน คาดสัปดาห์หน้า 35.30-36.50 บาท จับตาเงินทุนต่างชาติ-ค่าเงินในภูมิภาค

ข่าวล่าสุด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ทั้งเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก และสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ทั้งนี้เงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวอ่อนค่าลง โดยเฉพาะหลังการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 7.7% YoY (ตลาดคาด 7.9%) ส่วน Core CPI เพิ่ม 6.3% YoY (ตลาดคาด 6.5%) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดอาจปรับขนาดการขึ้นดอกเบี้ยให้มีความแข็งกร้าวน้อยลงในการประชุม FOMC รอบถัดๆไปด้วยเช่นกัน

โดยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังสอดคล้องกับสถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติซึ่งเข้าซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง (ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย14,091 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรมากถึง 77,110 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิพันธบัตร 79,556 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 2,446 ล้านบาท)

ในวันศุกร์ที่ 11 พ.ย.2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนที่ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 37.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 พ.ย.)

สัปดาห์ถัดไป (14-18 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 35.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และอัตราการว่างงานด้วยเช่นกัน